สมาชิกใหม่ของครอบครัว Music Concept Chat Via Facebook , Tel: 02 255 6448 , Line@

สุดยอดเบส 4 สาย คุ้มค่า คุ้มราคา 5 รุ่นที่ไม่ควรพลาด

top-5-bass-feature

เบสนั้นสำคัญไฉน

Bass guitar หรือที่เรานิยมเรียกกันสั้นๆว่า เบส เป็นเครื่องสายตระกูลกีตาร์ที่ให้เสียงย่านความถี่ต่ำและนิยมใช้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของ rythm ของวง แต่อันที่จริงเราก็ใช้เบสเล่น melody ได้เหมือนกันนะ เบสมีหลายยี่ห้อ หลายลักษณะการผสมไม้ หลายคาแรคเตอร์เสียง แต่หลักเกณฑ์ที่นิยมใช้แบ่งประเภทเบสแบบง่ายๆ  คือ จำนวนของสาย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 4, 5, 6 หรืออาจมากกว่านี้ ซึ่งจำนวนสายที่นิยมมากที่สุดก็คือ 4 สาย อาจมีบ้างที่เล่น 5 สายสำหรับคนที่ต้องการย่านต่ำเพิ่มจากสาย 5 ซึ่งเป็น low B  

ไม่ใช่มือเบส ไม่ได้เล่นเป็นอาชีพ ก็ซื้อเบสได้นะ

จริงอยู่ที่ว่าเบสเป็นเครื่องดนตรีตัวทำจังหวะและเกิดมาเพื่อเล่นริธึ่มเป็นหลัก แต่เบสก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ก็มีคนหลงใหลและเอามาฝึกเล่นเทคนิคต่างๆ ที่เป็นซาวด์เฉพาะแบบที่กีตาร์ทำยังไงก็ไม่เหมือน เสียงหนักๆ ต่ำ กับการตอบสนองในแบบฉบับของเบสสร้างความสนุกสนานในการเล่น ฝึกการเล่นริฟฟ์เบสเท่ๆ กรูฟเจ๋งๆ บางคนฝึกจนเทพเล่นเป็นเพลงด้วยเบสตัวเดียวเลยก็มี ดังนั้นมีเบสไว้เล่นเองที่บ้านสักตัวก็ไม่เลว เช่นเดียวกับคนตั้งเยอะแยะที่ไม่ได้เล่นอาชีพหรอก แต่มีกีตาร์ราคาหลักแสนเป็นโหลๆ มีเอฟเฟคท์เทพๆ เต็มตู้โชว์ เพื่อเล่นสร้างความสุขให้ตัวเอง ก็ไม่ผิดอะไร

เบส 4 สายรุ่นไหนคุ้มค่าน่าเล่นบ้าง 

สมัยนี้สินค้าเครื่องดนตรีคุณภาพสูงมีตัวเลือกราคาไม่แพงเยอะแยะ แอดเห็นว่าน่าสนใจดีเลยเลือกเบส 4 สายรุ่นที่ราคาและสเปคดูแล้วน่าจัดน่าโดนมาให้ดูกัน 5 รุ่น มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. Fender Player Series Precision Bass (24,300 บาท)

fender player precision bass

สเปค:

Body:

    • Alder (Gloss Polyester Finish)

Neck:

    • Maple, Modern “C” Shape w/Pau Ferro
    • Or Maple Fingerboard, 9.5″ Radius, Satin
    • Urethane Finish on Back of Neck with Gloss
    • Urethane Headstock Face Neck Finish

Frets:

    • 20 Medium Jumbo

Pickups:

    • Player Series Alnico 5 Split Single-Coil
    • Precision Bass®

Controls:

    • 1 Volume, 1 Tone

Hardware:

    • 4-Saddle Standard Bridge, Standard
    • Open-gear Tuning Machines , Nickel/
    • Chrome
    • String: Fender® USA, NPS, (Gauges.045-.105)

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า Fender Precision คือเบสที่เป็นที่ฮิตที่สุดรุ่นหนึ่งตลอดกาล ด้วยโทนเสียงที่ใสสะอาด มีย่านแหลมที่เปิด นุ่มสบายหู เล่นได้ทุกแนว ป๊อป ร็อค ฟังค์ หมอลำ เมทัล ยันแจ๊ส สำหรับซีรีส์ Player นี้ออกแบบมาเพื่อเน้นความคุ้มค่า ราคาจับต้องได้

สเปคก็ตามสไตล์เบส Precision คือบอดี้เป็นไม้ alder คอเมเปิลเชพ Modern C เล่นง่ายกำลังดี ฟิงเกอร์บอร์ดเรเดียส 9.5 เท่ากับกีตาร์ Fender ปิคอัพเป็น single coil รุ่น Player Series Split Single Coil ที่ใช้แม่หล็ก alnico V ให้ความคมใส ตัวปิคอัพสาย 3 และ 4 วางเยื้องไปทางคอเพื่อความนุ่มนวลมากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นดีไซน์ของเบสเฟนเดอร์รุ่นนี้ ระบบไฟฟ้าของ Player Series Precision Bass นี้เน้นความเรียบง่าย คือมีแค่ volume กับ tone อย่างละปุ่ม เปิดโทนเต็มก็ได้ความชัดเด้ง แต่ลดโทนลงหน่อยก็ได้ฟีลแจ๊ส

เบสเฟนเดอร์ของแท้ ซาวด์เฟนเดอร์แท้ๆ ราคาโดนๆ แบบ Player Series Precision Bass นี้ ราคาไม่แพงเลย แค่ 24,300 บาทเท่านั้น จะไปหาของเทียมทำไม จัดตัวนี้ดีกว่า


2. Fender Player Series Jazz Bass (24,300 บาท)

 

fender player jazz bass

สเปค:

Body:

    • Alder (Gloss Polyester Finish)

Neck:

    • Maple, Modern “C” Shape w/Pau Ferro
    • Or Maple Fingerboard, 9.5″ Radius, Satin
    • Urethane Back with Gloss Headstock Face
    • Neck Finish

Frets:

    • 20 Medium Jumbo

Pickups:

    • Player Series Alnico 5 Single-Coil Jazz –
    • Bass (Neck Pickup)
    • Player Series Alnico 5 Single-Coil Jazz –
    • Bass (Bridge Pickup)

Controls:

    • 2 Volume, 1 Tone

Hardware:

    • 4-Saddle Standard Bridge, Standard
    • Open-gear Tuning Machines , Nickel/
    • Chrome
    • String: Fender® USA, NPS, (Gauges.045-.105)

เบสเฟนเดอร์ Fender Player Jazz Bass ทรงยอดนิยมอีกรุ่นนึงที่ไม่เอามาแนะนำเลยคงไม่ได้ ก็คือทรง Jazz นั่นเอง เอกลักษณ์ของทรงนี้ที่แตกต่างจากรุ่น Precision ที่เกิดมาก่อนนั้นก็คือ ทรง Jazz จะมากับดีไซน์เส้นสายที่อ่อนช้อยอรชรกว่า และถึงแม้จะเป็นเบส 4 สายเหมือนกัน สเกลยาวเท่ากัน และใช้ไม้คอกับฟิงเกอร์บอร์ดเหมือนกันทุกอย่างกับรุ่น Player Precision ก็ตาม แต่ด้วยรูปทรงและระบบไฟฟ้าที่ต่างกัน ทำให้เบส Player Series Jazz นี้มีคาแรคเตอร์เสียงที่เด้งกว่า คมกว่า สาย slap น่าจะถูกใจทรงนี้เป็นพิเศษ

Fender Player Series Jazz Bass มากับบอดี้แอลเดอร์เคลือบเงา คอเมเปิลเคลือบด้าน และฟิงเกอร์บอร์ดที่มีไม้ให้เลือกสองออพชันระหว่างไม้เมเปิลขาวๆ ให้เสียงคมใส กับไม้ pau ferro สีน้ำตาลเข้ม ที่ให้ย่าน low หนากว่า (บางสีจะมากับไม้ฟิงเกอร์บอร์ดอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น) รัศมีความโค้งของฟิงเกอร์บอร์ดคือ 9.5 นิ้วมาตรฐานเฟนเดอร์ สเกลยาว 34 นิ้ว มี 20 เฟรทไซส์ medium-jumbo

Player Series Jazz มากับปิคอัพ Player Series Alnico 5 single coil Jazz Bass สองตำแหน่ง ให้คาแรคเตอร์คม ใส เด้ง คอนโทรลของรุ่น Player Jazz จะต่างจากรุ่น Player Precision เล็กน้อย คือมี volume 2 อัน และมี master tone อันเดียว การแยกวอลุ่มแบบนี้ช่วยให้เราสามารถเลือกบาลานซ์วอลุ่มของปิคอัพทั้งสองตำแหน่งแยกอิสระจากกัน ทำให้การสร้างซาวด์ต่างๆ เป็นไปอย่างหลากหลายมากขึ้น ทั้งหมดที่ว่ามาคือเบส Fender แท้ๆ ราคาแค่สองหมื่นกว่าบาท น่าจัดนะ


3. Sterling StingRay 34 (27,000 บาท)

sterling stingray ray34 bass

สเปค:

Body:

    • Mahogany

Neck:

    • Roasted Hard Maple Neck w/Rosewood
    • Fingerboard, 9.5″ Radius

Frets:

    • 21 Frets, Medium

Pickups:

    • H – 1 Alnico Humbucker

Controls:

    • 3-band Active Preamp

Hardware:

    • Sterling by Music Man Designed Bridge,
    • Open Gear Tuning Machines, Chrome

Strings:

    • Ernie Ball 2834 Super Slinky

Case:

    • Deluxe Sterling by Music Man Bag

ลองมาดูค่าย Sterling แบรนด์ราคาประหยัดกับเบส Music Man กันบ้าง สำหรับปีนี้ Sterling มีการอัพเกรดสเปคกันแบบเร้าใจกับเบสรุ่นขายดี เบส 4 สาย Sterling StingRay 34 ด้วยไม้คอ roasted maple ซึ่งเป็นกระบวนการนำไม้เมเปิลไปอบด้วยความร้อนสูงในเครื่องอบสุญญากาศ เพื่อเอาความชื้นออกไปจากเนื้อในของไม้ เป็นกระบวนการที่ถ้าอยากให้ได้ผลอย่างนั้นด้วยวิธีธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี ผลก็คือคอจากไม้เมเปิลอบร้อนให้เสถียรภาพของไม้ที่ดีเลิศ ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้น ช่วยให้คอเบสมีความนิ่ง จะเคลื่อนย้ายทัวร์คอนเสิร์ตต่างที่ต่างจังหวัดก็จะเป็นประโยชน์มากๆ คอ roasted maple ของ Ray 34 ต่อเข้ากับบอดี้ด้วยน็อต 6 ตัว แน่นหนามั่นใจได้ในความนิ่ง

นอกจากคอสุดเจ๋งแล้ว สเปคอื่นๆ ของ Sterling รุ่นนี้ก็จัดเต็มตามมาตรฐาน อย่างบอดี้มาฮอกกานี ฟิงเกอร์บอร์ดไม้โรสวูด 21 เฟรทขนาด medium เรเดียส 9.5 นิ้ว ปิคอัพฮัมบัคเกอร์รุ่น H-1 แม่เหล็ก alnico มี preamp ที่มากับ EQ 3 ย่านความถี่ ต่ำ-กลาง-แหลม กับ master volume เป็นชุดควบคุมที่่ใช้งาย ให้ซาวด์พุ่งๆ slap เด้งๆ ชัดๆ แต่เม็ดใหญ่ในสไตล์เบส Sting Ray ที่หลายคนติดอกติดใจ สำหรับรุ่น Ray 34 นี้จะเหมาะกับการเล่น slap หรือเล่นแนวฟังก์เป็นพิเศษ เพราะการวางปิคอัพตัวเดียวโดดๆ ไว้ใกล้หย่องช่วยให้ไม่เกะกะมือขวาตอนเกี่ยวสายนั่นเอง สเปคไม้ดี เสียงได้ แถมราคาก็โดนใจ แค่ 27,000 บาทเท่านั้นเอง


4. Sterling StingRay 34 HH (31,500 บาท)

sterling stinrgay ray34hh bass 

สเปค:

Body:

Mahogany

Neck:

    • Roasted Hard Maple Neck w/Roasted Hard
    • Maple(Pearl White),Rosewood (Stealth Black)
    • Fingerboard, 9.5″ Radius

Frets:

    • 21 Frets, Medium

Pickups:

    • HH – 2 Alnico Humbuckers

Controls:

    • 3-band Active Preamp, 5-way Toggle Pickup
    • Selector Switch

Hardware:

    • Sterling by Music Man Designed Bridge,
    • Open Gear Tuning Machines, Chrome

Strings:

    • Ernie Ball 2834 Super Slinky

Case:

    • Deluxe Sterling by Music Man Bag

มาดูอีกรุ่นจากค่าย Sterling นั่นก็คือ Sterling StingRay 34 HH สเปคก็คล้ายกับ Ray 34 ที่มากับคอใหม่ roasted maple สุดเท่ แต่สำหรับ Ray 34 HH จะมากับปิคอัพ humbucker รุ่น HH – 2 ซึ่งมาเป็นคู่สองตำแหน่งพร้อม blade selector 5 ทาง มีเสียงให้เลือกมากถึง 5 เสียง จากเสียง bridge humbucker พุ่งๆ เด้งๆ มาเป็น neck humbucker นุ่มๆ หนาๆ โน้ตใหญ่ๆ ซึ่งไม่มีในรุ่นปิคอัพเดี่ยว Ray 34 HH จึงเหมาะกับสไตล์การเล่นที่ต้องการเสียงใหญ่ๆ ดูมีพลังเช่นแนวร็อค มากกว่าแนวเด้งๆ slap เยอะๆ 


5. Epiphone Thunderbird Classic IV (19,800 บาท)

สเปค:

Body:

    • Mahogany Body Wings

Neck:

    • 7-Ply Mahogany/Walnut,
    • 1960s Rounded Bass Profile,
    • Rosewood Fingerboard with Pearloid Dot Inlays
    • 12″Radius, Through-Neck, Through-Neck

Frets:

    • 20-Medium Jumbo, Nickel/Silver Alloy

Pickups:

    • 2 Gibson TB Plus™ humbuckers

Controls:

    • Neck Volume, Bridge Volume, Master Tone

Hardware:

    • Black Finish, Premium die-cast 17:1 ratio,
    • Classic style 3-point Adjustable
    • Flush-Mount ,Fully adjustable

Weight:

    • 8.7 lbs

Case:

    • Hard Case

สำหรับตัวสุดท้ายนี้เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นตารูปทรงสุดคลาสสิคนี้ดี มันก็คือ Epiphone Thunderbird Classic IV ซึ่งถอดแบบมาจากเบส Thunderbird สุดคลาสสิคของ Gibson นั่นเอง

แน่นอนว่าเอกลักษณ์ของ Thunderbird bass ก็ถ่ายทอดมาเต็มๆ อย่างโครงสร้างแบบ neck through ที่ส่วนคอเป็นไม้มาฮอกกานีประกับสลับกับวอลนัทรวม 7 ชิ้น ทอดยาวจากหัวกีตาร์จรดท้ายบอดี้ แล้วจึงเอาไม้มาฮอกกานีมาประกบด้านข้างให้เป็นทรงบอดี้อีกที โครงสร้างแบบนี้ช่วยให้ได้ซัสเทนที่ยาว นิ่ง และล้วงเล่นเฟรทลึกๆ ได้สะดวกขึ้น ฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้โรสวูด เรเดียส 12 นิ้ว ถือว่าค่อนข้างแบนตามสไตล์กีตาร์ Gibson นอกจากดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือโลโก้นกบนปิคการ์ดสีขาวสุดคลาสสิคนั่นเอง

Thunderbird Classic มากับปิคอัพรุ่น TB Plus ส่งตรงจาก Gibson USA เป็นแม่เหล็ก ceramic ให้ความแรง พุ่ง โน้ตใหญ่ แน่นปึ้ก ฟังดูมีพลังมากกว่าแนวใสเด้ง เหมาะกับแนวร็อคเป็นพิเศษ ดีเอ็นเอจาก Thunderbird bass ของ Gibson ชุดควบคุมก็เรียบง่ายไม่ซับซ้อน มี volume สองอันสำหรับปิคอัพทั้งสองตำแหน่งแยกจากกัน กับ master tone หนึ่งอัน 

ส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างกับเบสแจ่มๆ ที่คัดมาให้ หวังว่าจะมีที่โดนๆ สักตัวนะ ชอบตัวไหนสนใจตัวไหนแต่ไม่แน่ใจเรื่องสุ้มเสียงกับฟีลการเล่น ก็แวะไปทดลองกันได้ที่ร้าน Music Concept นะจ๊ะ


สำหรับคนที่กำลังมองหาเบส สามารถเข้าชมกันได้ที่ ร้านขายเครื่องดนตรี Big Tone เรามีเบสหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ในราคาที่หลากหลายรอคอยให้คุณมาเยี่ยมชม หรือสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line Official ของทางร้านเรา

0 Comments

Leave a reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*